
ทดสอบ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมเครื่องปั่นไฟนิสสันเผยตัวตนยานยนต์อนาคตด้วยพลังงาน e-power มาในเรือนร่างของนิสสันคิ๊กส์ ความแตกต่างจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วไปคือ เขามีเครื่องยนต์มาให้เพื่อปั่นไฟเข้ามอเตอร์ด้วย

มาดูเรื่องการออแบบภายนอนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ออกแบบซุ้มล้อให้โดดเด่นเข้ากับรูปลักษณ์แบบรถครอสโอเวอร์ พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบ หรือ Design DNA ที่เป็นเฉพาะของนิสสันเช่นเดียวกับในรถยนต์นิสสันทุกรุ่น โดยคอมแพ็คเอสยูวีคันนี้ กระจังหน้าเป็นแบบ V-motion ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง การออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (floating roof line) และภายในใช้ลายเส้นของปีกเครื่องร่อน (gliding wing) ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิดการออกแบบของ นิสสัน

นอกจากนี้เขายังคงความปลอดภัย และ ความแข็งแกร่ง บนพื้นฐานของ (Zone body Concept) อันเป็นมาตรฐานของนิสสัน โดยโครงสร้างตัวถังรถถูกสร้างให้มีความสามารถในการดูดซับพลังงาน รับแรงกระแทก และทำให้รถยนต์มีความแข็งแกร่ง ปลอดภัย ภายในห้องโดยสารไม่อึดอัดเกินไปด้วยการออกให้หลังคามีความสูงและพื้นที่เหนือศีรษะค่อนข้างทำให้ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารไม่รู้สึกอึดอัดตลอดการเดินทางถือว่าทำได้ดี ซึ่งสำหรับรุ่น V และ VL ระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect อินโฟเทนเมนต์ (infotainment) มาพร้อมระบบเครื่องเสียง Display Audio แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง

พร้อมการเชื่อมต่อ AM / FM / Bluetooth / USB / AUX-in รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay (สำหรับระบบ iOS) การเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธบนพวงมาลัย เพื่อการควบคุมที่สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนหน้าปัด ที่สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ รวมถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แสดงมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก มาตรวัดความเร็ว ระบบการขับขี่และการควบคุม และระบบข้อมูลและความบันเทิงขณะขับขี่ ขณะที่ระบบความบันเทิงในรุ่น S และ E เป็นระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM / FM พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ USB และ AUX-in และลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่ง

เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ (e-POWER): เอกสิทธิ์เฉพาะนิสสัน พลังที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจอี-พาวเวอร์ (e-POWER) นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบอย่างนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไอคอนของแนวคิดของการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ทั้งนี้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ มีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) อย่าง นิสสัน ลีฟ ด้วยการนำเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กมาสร้างการให้กำเนิดกระแสไฟฟ้าชาร์จสู่แบตเตอรี่กำลังสูง ลดความกังวลใจในเรื่องของการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ในขณะที่ให้พละกำลังและสมรรถนะการขับขี่เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า

เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ของนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว 3 สูบ รับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และยังมีส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ EM57 ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น การขับขี่ที่เงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นนิสสันได้เสริมความมั่นใจด้วย นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) และเทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology)นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี เป็นวิสัยทัศน์ของแบรนด์นิสสัน ในการเปลี่ยนวิถีการขับขี่และการใช้ชีวิตของผู้คน เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่มีอยู่ใน นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ เช่นระบบวัน-เพดัล (One-Pedal), เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC), เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW), เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)และ เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เป็นต้นฯ

หลังจากได้ทดลองขับในสนามทดสอบสิ่งที่ประทับใจคือระบบ วัน-เพดัล (One-Pedal) ทำงานได้ดีมาก ถ้าหากว่าเราทำความเข้าใจกับระบบแล้วยิ่งจะรู้สึกว่าระบบช่วยเหลือเราได้ดีในทุกจังหวะซึ่งระบบทำงานคล้ายกับใช้เครื่องยนต์มาช่วยเบรกอีกที่ ส่วนระบบช่วงล่างทำงานทำงานได้ดีเกินคความคาดหมายนิ่งและเกาะถนนได้ดีมากการตอบสนองนของมอเตอร์ไฟฟ้าก็รวดเร็วทันใจแรงบิดเริ่มต้นตั้งแต่ 500 รอบต่อนาทีออกได้ดีมาก โหมดการขับมีให้เลือก Normal mode, S (Smart) mode, ECO modeและ EV mode ถ้าเข้าใจโหมดการขับทั้งหมดก็จะช่วยให้เราขับได้สนุกขึ้นเช่นกัน