บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เดินหน้าผลิตและพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “ยามาฮ่า E01” ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2019 และได้เริ่มทำการทดสอบการใช้งานจริง POC (Proof of Concept) ภายในประเทศญี่ปุ่น ก่อนส่งต่อแผนการทดสอบสมรรถนะ “ยามาฮ่า E01” มายังประเทศไทยเป็รที่แรก รวมถึงอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไต้หวัน และในทวีปยุโรป เพื่อพัฒนาและต่อยอดทางการตลาดในภูมิภาคต่างๆ

โดยการทดสอบครั้งนี้ในประเทศไทยซึ่งเป็นครั้งแรกครั้งแรกในอาเซียนมี วัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการสร้างยามาฮ่า EV   แบรนด์ในประเทศไทย การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในไทย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่มีความริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งการนำเสนอความพิเศษของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากยามาฮ่า ผ่านกิจกรรม E01 POC เพื่อนำข้อมูลจากการทดสอบขับขี่ มาพัฒนาและต่อยอดต่อไปภายในอนาคต

      “ยามาฮ่า E01” มาพร้อมความสะดวกสบายและมีขนาดตัวรถเทียบเท่ารถจักรยานยนต์คลาส 125 ซีซี (อ้างอิงจากยามาฮ่า NMAX 125 ในยุโรป) ตำแหน่งท่านั่งขับขี่ สะดวกสบาย โดยความยาวของรถ 1,930 มิลลิเมตร มีที่เก็บของใต้เบาะ ขนาดความจุ 23 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน็อกได้ ความสูงเบาะ 755 มิลลิเมตร ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขึ้นลงได้อย่างสะดวก และขาถึงพื้นได้อย่างมั่นใจ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สามารถขับขี่ได้ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะทาง 100 กิโลเมตร ควบคุมการขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลเช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์ทั่วไป ใช้ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ โดย Vehicle Control Unit, Battery Management System, Motor Control Unit พร้อมระบบเบรก Regenerative Brake ที่จำลองความรู้สึกของ Engine Brake เพื่อให้ลดความเร็วได้อย่างนุ่มนวล มีระบบป้องกันล้อลื่นไถล Traction Control System รวมทั้งยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการทดสอบ POC ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ E-sim และมี GPS ในตัว โดยข้อมูลที่ถูกเก็บมา จะถูกส่งต่อไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์เพื่อทำการวิเคราะห์และพัฒนา EV ในอนาคตต่อไป

      “ยามาฮ่า E01” ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไลออน ขนาดใหญ่ 4.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ 5,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 30.2 นิวตันเมตรที่ 1,950 รอบ สามารถวิ่งได้สูงสุด 130 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WMTC คลาส 1 ในยุโรป และสามารถเลือกชาร์จแบตเตอรี่ได้ 3 รูปแบบ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน และรองรับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ได้แก่
  1. เครื่องชาร์จแบบเร็ว – เหมาะสำหรับการติดตั้งโดยผู้ให้บริการแบ่งเช่ารถ หรือ ตัวแทนจำหน่าย สามารถชาร์จ จาก 0% ถึง 90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
  2. เครื่องชาร์จแบบปกติ – เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในบ้าน สามารถชาร์จ จาก 0% ถึง 100% ได้ภายใน 5 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 200V (เข้ากันได้กับเต้ารับ 200–240V ในประเทศต่างๆ)
  3. เครื่องชาร์จแบบพกพา – พกพาสะดวกด้วยขนาดที่พอดีกับช่องเก็บของใต้เบาะนั่ง สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 100% ได้ภายใน 14 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 100V (200–240V ในประเทศต่างๆ)

            อีกทั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าของ “ยามาฮ่า E01” ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายใต้ลิขสิทธิ์เฉพาะของ ยามาฮ่า เพื่อสมรรถนะและคุณภาพสูง รวมถึงเฟรมที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยเฉพาะ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีจากการพัฒนารถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตมาใช้งาน

“ยามาฮ่า E01” มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 ระดับ เพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขณะใช้งาน และไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ได้แก่
  • PWR (โหมดเพาเวอร์): กำลังสูงสุด 1kW ที่ 5,000rpm แรงบิดสูงสุด 30.2Nm ที่ 1,950 rpm สามารถทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับการขับขี่ที่ดึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ออกมา เหมาะสำหรับการขี่ขึ้นเนิน และการเร่งแซง ฯลฯ
  • STD (โหมดมาตรฐาน): กำลังสูงสุด 1kW ที่ 5,000rpm แรงบิดสูงสุด 24.5Nm ที่ 1,500 rpm สามารถทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปที่ใช้บ่อยที่สุดในช่วงความเร็ว 30-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ECO (โหมดอีโค): กำลังสูงสุด 4kW ที่ 4,500rpm แรงบิดสูงสุด 21.4Nm ที่ 1,500rpm ทำให้ประหยัดพลังงานและสามารถเดินทางได้ระยะไกลขึ้น เพื่อจำกัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และจำกัดความเร็วสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง

      สรุปความรู้สึกหลังได้ทดสอบ สิ่งแรกเลยคือ“ยามาฮ่า E01”ถูกพัฒนาไปอีกขั้นซึ่งทำให้เราแยกแทบไม่ออกว่านี่คือไฟฟ้าหรือรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ช่วงล่างที่ดีเกาะถนนได้เยี่ยมขึ้นเขาไม่ต้องกังวลผ่านได้สบาย ขณะเดียวกันการรีชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอร์รี่เกิดการหน่วงของมอเตอร์ซึ่งทำหให้รู้สึกเหมือนกับเบรกของเครื่องยนต์ โดยรวมด้านการออกแบบก็ทำได้ดีทั้งหมดนี้คือบทพิศูจน์ของยามาฮ่าทำให้เห็นว่าเขาได้ก้าวไปอีกขั้นในเพื่อสมสบูรณ์แบบในทุกด้านของรถจักรยานยนต์แห่งอนาคต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่